110 จำนวนผู้เข้าชม |
10 วิธีเพิ่มความปลอดภัยในบ้านสำหรับเด็กเล็ก
เพราะว่าเด็กถือเป็นช่วงวัยซุกซน มักจะเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะเวลาที่ลูกน้อยของคุณกำลังเพลิดเพลินอยู่ภายในบ้าน อาจจะเผลอหยิบข้าวของวิ่งเล่นไปทั่ว ซึ่งบ้านของคุณนั้นจะปลอดภัยสำหรับลูกน้อยหรือไม่ วันนี้แฟรงค์จะมาบอก
1.เก็บสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าให้มิดชิด
สิ่งสำคัญอย่างแรก คุณจะต้องหาอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยให้บ้านหรือคอนโดของคุณ นั่นก็คือ อุปกรณ์จัดเก็บสายไฟ และฝาปิดรูปลั๊กไฟ เพราะว่าเด็กกำลังอยู่ในวัยซนอาจจะเผลอเอานิ้วมือเข้าไปแหย่ แล้วเกิดอันตรายต่อตัวเด็กได้ ดังนั้น คุณจะต้องเก็บทั้งเต้าปลั๊กไฟและสายไฟให้เรียบร้อย แนะนำให้เก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าไว้ในที่สูง หรือใช้เป็นกล่องเก็บปลั๊กไฟ เพื่อป้องกันเด็กแอบดึงสายไฟเล่น
2. ประตูและหน้าต่างต้องล็อกให้สนิท
ต่อมาจุดที่ต้องเพิ่มความปลอดภัยในบ้าน ก็คือ “ประตูและหน้าต่าง” เนื่องจากบางทีเราอาจจะเผลอทำนู่นทำนี่จนลืมลูกน้อยไว้ เด็กอาจจะเปิดประตูหรือปีนหน้าต่างออกไปได้ ตามที่เคยพบเห็นในข่าวว่ามีเด็กปีนป่ายหน้าต่างแล้วตกลงมาขณะที่พ่อแม่ไม่ทันระวัง แต่โชคดีที่หน้าต่างไม่สูงมากจึงทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อยอย่างเคสนี้ เราจะต้องล็อกประตูและหน้าต่างให้สนิททุกครั้ง ซึ่งการล็อกประตูบ้านและหน้าต่างให้มิดชิดก็เป็นวิธีป้องกันจอมโจรเข้าบ้านของคุณด้วยนะ หรือลองใช้กระจกแบบนิรภัยก็จะช่วยป้องกันการทุบกระจกจากด้านนอกด้วย
3. ติดตั้งประตูรั้วบริเวณทางขึ้นหรือลงบันได
หากว่าคุณต้องทำกิจวัตรประจำวันภายในบ้าน เช่น ซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน หลายคนก็จำเป็นต้องปล่อยให้ลูกน้อยวิ่งเล่นตามลำพัง บางทีเด็กอาจจะเดินปีนไต่ขึ้นบันได หรือถ้าเด็กอยู่ชั้นบนก็อาจจะเดินตกบันไดลงมาได้ ด้วยเหตุนี้คุณพ่อคุณแม่จะต้องหารั้วกันไว้ตรงบริเวณบันได จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในบ้าน และป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้เด็กตกลงมา รวมถึงบริเวณภายในห้องครัวที่เสี่ยงภัยสูง หากเป็นไปได้ก็ควรหาที่กั้นไม่ให้เด็กเข้าไปเช่นกัน
4. เก็บของเล่นมีคม และของมีคมทุกชนิด
สำหรับอุปกรณ์จำพวกของมีคมทั้งหลาย เราก็ต้องเก็บให้พ้นจากมือเด็กด้วย เช่น ส้อม มีด คัทเตอร์ ปากกา ดินสอ และของเล่นมีคม เป็นต้น แนะนำให้คุณเก็บของมีคมอย่างมิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกของมีคมบาด เพราะเด็กอาจจะเผลอคว้ามาตอนไหนก็ได้ คุณจะต้องดูแลเด็กให้ดีๆ
5. เก็บอุปกรณ์ที่ทำจากแก้ว กระจก และโลหะ
นอกจากของมีคมที่เป็นอันตรายต่อเด็กแล้ว อุปกรณ์ที่ทำจากแก้ว เหล็กและโลหะ ก็ต้องจัดเก็บให้พ้นจากมือเด็กด้วย ซึ่งเด็กอาจจะเผลอทำแก้วแตก และเหยียบเศษแก้วที่หล่นตามพื้น ดังนั้น คุณจะต้องเก็บของเหล่านี้ตามตู้โชว์ที่มีบานปิดหนาแน่น รวมถึงกระจก และโลหะหนักๆ ที่อาจจะตกลงมาทับใส่ศีรษะเด็ก เราควรแยกเก็บในโซนที่ห่างไกลจากตัวเด็กดีกว่า แถมยังเป็นเทคนิคจัดบ้านให้น่าอยู่อีกด้วย
6. เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีเหลี่ยมมุม
สำหรับเทคนิคการจัดบ้านอย่างตู้ โต๊ะ และเตียงนอน เราควรหาเฟอร์นิเจอร์แบบเหลี่ยมมนดีกว่า หรือหาแผ่นปิดบริเวณมุมเหล่านี้ จะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กเดินชน หรือหกล้มแล้วศีรษะกระแทก ถือว่าเป็นจุดเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด!! เพราะบางทีเด็กอาจจะไม่ได้ทันระวังตัวขณะวิ่งเล่น เอาเป็นว่าคุณพ่อคุณแม่ควรป้องกันเอาไว้ดีกว่าแก้นะ
7. เก็บอุปกรณ์ที่ให้ความร้อนอย่างมิดชิด
จากนั้นให้คุณเก็บภาชนะที่มีน้ำร้อนให้ห่างจากเด็ก ไม่ว่าจะเป็นหม้อต้มน้ำ กาน้ำร้อน รวมถึงอุปกรณ์ที่ทำจากความร้อนด้วย เช่น เตาแก๊ส เตารีด หม้อหุงข้าว เครื่องม้วนผม เครื่องลอนผม เป็นต้น อาจจะทำให้เด็กได้รับอันตรายจากการถูกลวก หรือเกิดไฟฟ้าช็อตขณะเอานิ้วมือไปจับได้ โดยเฉพาะโซนครัวจะต้องดูแลเด็กไม่ให้เข้าไปเพียงลำพัง
8. เก็บสารเคมีและสารพิษที่ก่อให้อันตราย
ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีและสารพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายที่ใช้ภายในบ้าน เช่น น้ำนาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดพื้นบ้าน และยากันยุง บางครั้งเด็กอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอันตราย แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กสัมผัสหรือทานสารเคมีนี้เข้าไป แนะนำให้คุณเก็บไว้ในกล่องที่ล็อกแน่นๆ จะช่วยไม่ให้เด็กหยิบของไปได้
9. ห้ามวางอ่างน้ำ หรือถังน้ำใกล้เด็ก
อย่างที่เคยตามข่าวบ่อยครั้ง กรณีเด็กตกลงไปในอ่างน้ำทำให้เด็กเกือบจมน้ำตาย บางรายก็โชคร้ายช่วยเหลือเด็กไว้ไม่ทัน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จะต้องห้ามวางภาชนะที่ใส่น้ำอย่างเช่น โอ่งน้ำ อ่างน้ำ หรือถังน้ำอยู่ใกล้เด็ก รวมถึงสระว่ายน้ำ บ่อเลี้ยงปลา เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กปีนขึ้นไป หากจำเป็นจริงๆ จะต้องไม่ปล่อยให้เด็กอยู่เพียงลำพังโดยเด็ดขาด
10. เช็ดพื้นบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ
หากเราพบว่าบริเวณพื้นภายในบ้านเปียกน้ำ ไม่ว่าจะอยู่ในโซนห้องรับแขก ห้องนอน ห้องครัว หรือลานหน้าบ้าน เราควรหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดบ้านให้แห้งเสมอ ส่วนถ้าเป็นในโซนห้องน้ำให้เราแบ่งแยกโซนแห้งกับโซนเปียกไว้ หรือหาวัสดุปูพื้นแบบกันลื่น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุลื่นล้ม เราควรสำรวจบ้านและทำความสะอาดบ้านให้ครบทุกจุด
สรุป
ทั้งหมดนี้ก็คือ เทคนิคการจัดบ้านให้ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก อันที่จริงแล้วยังมีอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ภายในบ้านที่คุณจะต้องเฝ้าระวังอีกมากมาย คุณจะต้องดูแลบ้านและดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพียงแค่เสี้ยวนาทีเดียว เพราะอุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ นอกจากการทำความสะอาดบ้านจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุสำหรับเด็กเล็กแล้ว ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุภายในบ้านที่อาจเกิดขึ้นกับคุณได้ด้วยนะ
แหล่งที่มาข้อมูล : www.bolttech.co.th/blog/วิธีเพิ่มความปลอดภัยในบ้านสำหรับเด็ก