31513 จำนวนผู้เข้าชม |
– กระเบื้องเซรามิค เป็นกระเบื้องที่ผ่านการเผา 1 หรือ 2 ครั้ง ตามลักษณะการใช้งาน และเคลือบผิวทำลวดลายเป็นกระเบื้องที่มีขนาดหลากหลายและมีโทนสีสไตล์ต่าง ๆ ให้เลือกใช้มากที่สุด กระเบื้องเซรามิคแบ่งออกเป็นกระเบื้องสำหรับปูพื้น และปูผนัง ซึ่งไม่แนะนำให้เอากระเบื้องเซรามิคสำหรับผนังไปปูพื้นเพราะ ออกแบบให้รับน้ำหนักต่างกัน นอกจากนี้ยังแบ่งเป็นแบบผิวมัน และแบบผิวหยาบ สำหรับเลือกใช้งานแบบต่างๆอีกด้วย
– กระเบื้องแก้ว เป็นกระเบื้องที่ทำจากชิ้นงานแก้วมาขึ้นรูป ตกแต่งด้วยลวดลายพิมพ์ หรือตกแต่งสีสันลวดลายภายใน ทำให้ลวดลายอยู่ทนทานกว่าลายพิมพ์บนพื้นผิวหน้าอย่างกระเบื้องประเภทอื่น ๆ
– กระเบื้องดินเผา เป็นงานเผาด้วยเทคนิคแบบดั้งเดิม ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ มีทั้งแบบเคลือบเงาและไม่เคลือบเงาเหมาะกับงานตกแต่งสไตล์ธรรมชาติ รีสอร์ท สปาเป็นต้น
– กระเบื้องโมเสก เป็นกระเบื้องชิ้นเล็ก ๆ ใช้ติดบนแผ่นตาข่ายรอง เหมาะกับไปติดบนพื้นที่มีขนาดเล็กและโค้งมน หรือสระว่ายน้ำ
– กระเบื้องยาง ทำจากยางพีวีซี เปรียบเทียบกับกระเบื้องเคลือบแล้วกระเบื้องยาง ให้สัมผัสที่นุ่มนวลกว่า การติดตั้งและปรับเปลี่ยนง่าย เหมาะสำหรับพื้นสำนักงานหรือสถานที่ที่ไม่ต้องการความหรูหรามากนัก
กระเบื้องดินเผา เป็นกระเบื้องที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงดินมากกว่าหิน เพราะมีอัตราการซึมน้ำสูง มีรูพรุนมาก ทำให้มีการยืดหดตัวสูงเมื่อโดนความชื้นและความร้อน แตกหักง่าย ผุกร่อนโดยกัดเซาะได้ง่าย ผิวค่อนข้างด้าน ตัวเนื้อดินเผามีสีสันให้เลือกไม่มากนัก และหากไม่ได้ผลิตด้วยมาตรฐานระดับสูงมักมีสีสันของแต่ละแผ่นไม่สม่ำเสมอ ยกเว้นแต่จะทำการเคลือบสีเพิ่มเข้าไป ข้อดีของกระเบื้องชนิดนี้คือไม่ลื่น(ถ้าไม่ได้มีตะไคร่น้ำเกาะ) ระบายความชื้นและความร้อนได้ดี จึงอมความร้อนไว้ไม่นาน ราคาประหยัด
ขนาดของกระเบื้องดินเผา
12×12 นิ้ว ใช้ 10 แผ่น/ตารางเมตร
10×10 นิ้ว ใช้ 16 แผ่น/ตารางเมตร
8×8 นิ้ว ใช้ 25 แผ่น/ตารางเมตร
6×6 นิ้ว ใช้ 45 แผ่น/ตารางเมตร
4×8 นิ้ว ใช้ 45แผ่น/ตารางเมตร
คุณสมบัติ
กระเบื้องดินเผาอาจจะดูด้อยกว่ากระเบื้อสมัยใหม่อย่าง กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องคันไซ หรือกระเบื้องแรกนิต แต่จุดเด่นสำคัญของกระเบื้องดินเผาที่หาไม่ได้จากกระเบื้องแบบอื่นนั่นก็คือ "ความคลาสสิค" กระเบื้องดินเผานั้นจัดว่าเป็นกระเบื้องที่ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากที่สุด เวลาที่เราเอาไปปูพื้นหรือผนังบ้าน จะช่วยให้บรรยากาศรอบๆดูเป็นธรรมชาติ และดูน่าหลงไหล ไม่แข็งกระด้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่บรรดารีสอร์ทหรือโรงแรมมักจะนิยมนำกระเบื้องดินเผาไปใช้ตกแต่งสถานที่เพื่อให้ดูสวยงามแบบมีเอกลักษณ์มากมาย
กระเบื้องแกรนิตโต้ ซึ่งที่จริงก็คือกระเบื้องพอร์ซเลนไม่เคลือบผิว โดยทั้งแผ่นผลิตจากตัวเนื้อวัสดุชนิดเดียวกันตลอดทั้งแผ่น (Homogeneous) ซึ่งก็คือหากเกิดการกระเทาะหรือตัดกระเบื้อง จะเห็นเนื้อด้านข้างเป็นสีเดียวกับผิวกระเบื้อง อัตราการซึมน้ำต่ำ ความแกร่งสูง สามารถปูชิดกัน และคุณสมบัติอื่น ๆ
คุณสมบัติ
แกรนิตโต้ หรือ กระเบื้องแกรนิตโต้ คือกระเบื้องเซรามิคชนิดหนึ่งที่เป็นหินแกรนิตเทียม มีส่วนผสมของผงหินแกรนิต แล้วนำไปผ่านการเผาด้วยความร้อนสูง แข็งแรงเทียบเท่าหินแกรนิต โดยทั่วไปแข็งแกร่งกว่ากระเบื้องเซรามิคชนิดอื่น เนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวทั้งแผ่น อุณหภูมิในการเผากระเบื้องแกรนิตโต้ จะอยู่ที่ประมาณ 3000 องศาขึ้นไป
การนำไปใช้งาน
แกรนิตโต้ ส่วนมากจะมีขนาดต่างๆ ดังนี้
แกรนิตโต้ ขนาด 60x60 cm เป็นขนาดที่ขายกันแพร่หลายที่สุด
แกรนิตโต้ ขนาด 30x60 cm เป็นขนาดที่เหมาะกับการปูผนัง เป็นขนาดที่นิยมรองลงมา บางครั้งอาจนำกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60x60 cm ไปตัดครึ่งก็มี
การนำกระเบื้องแกรนิตโต้ไปตัดเป็นขนาดต่างๆ จะต้องคำนึงถึงการหายไปของกระเบื้องเนื่องจากรอยใบตัด ทำให้ได้ขนาดออกมาไม่เต็ม 30x60 cm
กระเบื้องโมเสค เป็นกระเบื้องขนาดเล็ก ที่ถูกออกแบบมาใช้งานหลายรูปแบบทั้งใช้งานทั่วไป รวมไปถึงใช้งานตกแต่งอีกด้วย บริเวณที่ใช้งานโมเสคมีหลายบริเวณ มีทั้ง โรงจอดรถ ผนังห้องน้ำ ผนังห้องครัว ผนังห้องรับแขก สระว่ายน้ำ
คุณสมบัติ
คุณสมบัติของกระเบื้องโมเสคคือมีขนาดเล็กทำให้ปูได้ปริมาณน้อยต้องใช้จำนวนมากทำให้มีราคาสูงกว่าการปูกระเบื้องทั่วไป แต่การที่มีขนาดเล็กทำให้ตกแต่งได้หลายรูปแบบ เช่น สีเดี่ยวทั้งแผง สีสลับสี แรนด้อมสีให้กลมกลืน รวมทั้งแบบใช้หลายสีให้ออกมาเป็นรูปทรงต่างๆ คล้ายภาพวาด ซึ่งสวยงามมากอแต่ก็ราคาแพงมากเช่นกัน ขนาดของกระเบื้องโมเสคสามารถนำมาปูปนกันได้เช่น แผ่นขนาด 1×1 นิ้ว นำมาปูผสมแผ่นขนาด 2×2นิ้วจะเป็นลวดลายศิลปะแบบแปลกตาที่สามารถใช้ตกแต่งบริเวณต่างๆได้อย่างดี หากใช้ในการปูสระว่ายน้ำต้องใช้จำนวนมาก จึงนิยมใช้กระเบื้องโมเสคแบบติดเน็ตที่สามารถปูได้ทันทีเป็นตาข่ายที่มีขนาดกว้างแล้วปูติดเน็ตมาจัดเรียงแถวไว้เรียบร้อยแล้ว การใช้งานก็เพียงวางลงไปติดตั้งแล้วยาแนวได้ทันทีสะดวกรวดเร็ว
เซรามิค (ceramic) เป็นคำเรียกรวมของเครื่องปั้นดินเผาทุกชนิด และแบ่งเป็นเคลือบหรือไม่เคลือบ ดังนั้นกระเบื้องเซรามิคก็คือกระเบื้องดินเผา ถ้าเคลือบก็เรียกกระเบื้องเคลือบ ถ้าไม่เคลือบก็เรียกกระเบื้องดินเผาเฉยๆ กระเบื้องแกรนิโตก็เป็นเซรามิค มีชื่อจริงว่ากระเบื้องพอซเลน (porcelain tile) เป็นกระเบื้องที่ทำจากดินชนิดหนึ่ง เรียกกันทั่วไปว่าดินขาว มีเนื้อละเอียดแน่นและมีแร่ธาตุต่างๆไม่เหมือนดินทั่วไป
แต่เรียกกันติดปากว่ากระเบื้องแกรนิโต เพราะกระเบื้องชนิดนี้เมื่อเข้ามาขายในเมืองไทยนานแล้วยี่ห้อแกรนิโต (นำเข้าจากออสเตรเลีย) คนก็เรียกกันติดปากเหมือนผงซักฟอกแฟ้บ แกรนิโตก็มีทั้งเคลือบและไม่เคลือบ
คุณสมบัติ
แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ กระเบื้องปูพื้น และกระเบื้องบุผนัง มีทั้งชนิดเคลือบมันและชนิดที่ไม่เคลือบมัน ในส่วนผิวหน้าเคลือบนั้น ก็ยังสามารถแบ่งได้เป็น ผิวมัน (Glossy) และผิวธรรมดา (Matt) ซึ่งชนิดผิวธรรมดานี้สามารถแบ่งอีก 2 ชนิด นั่นก็คือเป็นกระเบื้องแบบผิวไม่หยาบ (Satin) และผิวหยาบ (Rustic)
ขนาดของ กระเบื้องปูพื้น มีหลายขนาดค่ะ ไล่มาตั้งแต่ 8 x 8 นิ้ว, 12 x 12 นิ้ว, 16 x 16 นิ้ว, 20 x 20 นิ้ว ส่วนขนาดของกระเบื้องบุผนังมี 2.5 x 8 นิ้ว, 8 x 8 นิ้ว, 8 x 10 นิ้ว, 8 x 12 นิ้ว
ในการเลือกซื้อกระเบื้องเซรามิคนั้น มีข้อแนะนำดังนี้ค่ะ
1. ราคาเหมาะสม. หาซื้อได้สะดวก
2. ง่ายต่อการบำรุงรักษา
3. ทนต่อสภาพแวดล้อมและการใช้งาน
4. มีลวดลายและสีสันให้เลือกมากมาย
5. มีอายุการใช้งานนาน
วิธีการดูแลรักษาและทำความสะอาดกระเบื้องเซรามิค
1. ใช้ฟองน้ำหรือผ้าสะอาดชุบน้ำ แล้วเช็ดลงไปที่กระเบื้อง
2. ในกรณีที่พื้นกระเบื้องมีความสกปรกมาก ควรใช้น้ำผสมน้ำยาทำความสะอาดด้วย
3. ใช้น้ำส้มสายชูทาที่กระเบื้องเพื่อป้องกันการเกิดรอยขนแมว
4. ถ้ากระเบื้องเกิดรอยร้าว ที่มีลักษณะเป็นรอยให้ใช้ขี้ผึ้ง (Wax) ทาบริเวณดังกล่าวก็จะมองเห็นได้ยากขึ้น
การติดตั้ง ในงานกระเบื้อง
วิธีการปูกระเบื้องมีหลายวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นผิวที่จะติดตั้ง และความชำนาญของช่างที่จะติดตั้งด้วยซึ่งวิธีการหลักๆมี2วิธี
1 การติดตั้งโดยใช้ปูนทราย(MORTAR) เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ยังไม่ได้ทำการปรับระดับ และ ขัดมัน
1.1ตรวจสอบกระเบื้องก่อนทำการปู ตรวจเช็คชนิดของกระเบื้อง สีของกระเบื้องสีเดียวกันหรือไม่ ความโก่งอยู่ในค่าที่สามารถปูได้หรือไม่ หากพบสิ่งที่ผิดปกติให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทันที
1.2ทำความสะอาดพื้นที่ที่จะทำการปูกระเบื้อง
1.3ตรวจเช็คระดับโดยให้มีความหนาสำหรับ เทส่วนผสมของปูนทราย(MORTAR)เพื่อปูกระเบื้องอยู่ระหว่าง3-5ซม. (ไม่รวมความหนาของกระเบื้อง) ถ้ามากหรือน้อยกว่าให้ทำการแก้ไข (ความหน้าของปูนทราย อาจเปลี่ยนแปลงตามข้อจำกัดของพื้นที่ ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของช่างปูกระเบื้อง)
1.4ผสมปูนทรายน้ำในอัตราส่วนน้ำ 1 ลิตร ปูน 4 กิโลกรัม และทราย 8-10 กิโลกรัม (ปริมาณน้ำสามารถปรับลดได้หากทรายมีความชื้นมาก)
1.5นำส่วนผสมดังกล่าวเทลงบนพื้นที่จะติดตั้งกระเบื้องทำการปรับให้ได้ระดับก่อนที่จะนำกระเบื้องลงติดตั้ง
1.6ปูตามแนวลูกศร ควรปูกระเบื้องไปในทิศทางเดียวกัน ตามแนวลูกศร หรือ สัญลักษณ์โลโก้ด้านหลังของกระเบื้องใช้กาวซีเมนต์ผสมน้ำทาบนหลังกระเบื้อง หรือใช้น้ำยาประสานปูนทาบนหลังกระเบื้อง ยกกระเบื้องวางบนปูนที่เตรียมไว้ใช้ค้อนยางเคาะเบาๆ ให้ได้ระดับ
1.7ทำการจัดวางแผ่นกระเบื้องและแนวรอย ต่อให้อยู่ในแนวเดียวกันเว้นร่องยาแนวอย่างน้อย 2-3ซม.(ควรใช้ Spacer อุปกรณ์จัดแนวกระเบื้อง)เมื่อปูทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้ปูนเซ็ทตัวประมาณ 72 ชั่วโมง ก่อนทำการยาแนว
1.8หลังปูนเซ็ทตัวให้ทำการยาแนวเพื่อ ป้องกันสิ่งสกปรกตกค้างตามร่องกระเบื้อง โดยทำความสะอาดรอยต่อของกระเบื้องด้วยการใช้เหล็กแหลมหรือแปรงแข็ง ต่อจากนั้นให้ใช้วัสดุยาแนวอัดให้เต็มแน่นเพื่อไม่ให้มีฟองและโพรงอากาศ หากมีเศษยาแนวล้นออกมาให้เช็ดออกด้วยผ้าหมาดๆก่อนที่ปูนยาแนวจะแข็งตัว
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรติดตั้งกระเบื้องโดยวิธีแบบซาลาเปา หรือปูนเปียก เนื้องจากกระเบื้องมีน้ำหนักมากอาจทำให้เกิดการยุบตัวไม่เท่ากัน และ มีโพรงอากาศเป็นช่องว่างใต้พื้นกระเบื้องมีผลทำให้กระเบื้องหลุดร่อน และ แตกง่าย
หมายเหตุ
- ส่วนผสมของปูน MOTAR ซีเมนต์กาว น้ำยาประสานปูน และ วัสดุยาแนว โปรดสอบถามบริษัทผู้ผลิตเพื่อป้องกันการผิดพลาดภายหลัง
- เพื่อรักษาความสวยงามของกระเบื้องหลังทำการติดตั้งเสร็จควรคลุมด้วยพลาสติก หรือ กระดาษลูกฟูก เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนและคราบสกปรก
- ก่อนเปิดใช้งานควรทำความสะอาดคราบ(WAX) โดยใช้ผงขัดแวกซ์ ปูนขาว หรือผงยิปซั่ม ล้างด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาทำความสะอาดที่เป็นกลาง ไม่ควรใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของกรดต่างๆเช่น กรดไฮคลอริก(กรดเกลือ)กรดไนตริก(กรดดินประสิว)กรดซัลฟิวริก(กรดกำมะถัน)กรด ไฮฟลูออริก(กรดกัดกระจก)และไม่ควรใช้สารเคมีประเภทไอโซโพรพิล(แอลกอฮอลล์)ใน การทำความสะอาด
2 การติดตั้งโดยใช้กาวซีเมนต์
เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สะดวกรวดเร็ว เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ปรับระดับเรียบร้อยแล้วเพราะกาวซีเมนต์ก็คือส่วนประกบ ของปูนซีเมนต์ปอร์คแลนด์ ทราย และวัสดุผสมพิเศษอื่นๆ
2.1 ตรวจสอบกระเบื้องก่อนทำการปู ตรวจเช็คชนิคของกระเบื้อง สีของกระเบื้องสีเดียวกันหรือไม่ ความโก่งอยู่ในค่าที่สามารถปูได้หรือไม่ หากพบสิ่งที่ผิดปกติให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทันที
2.2 ทำความสะอาดพื้นที่ที่จะทำการปูกระเบื้อง
2.3 ตรวจเช็คระดับพื้นที่ที่จะทำการปูกระเบื้องให้ได้ระดับตามความต้องการ ถ้ามากกว่าหรือน้อยกว่าให้ทำการแก้ไข
2.4 ผสมกาวซีเมนต์ตามส่วนและวิธีของผู้ผลิตกาวซีเมนต์ โดยทั่วไป กาวซีเมนต์ 1 ถุง(15-20kg)ต่อน้ำ 3-5ลิตรแล้วแต่ละตราผลิตภัณฑ์ระบุ
2.5 เทกาวซีเมนต์ลงบนพื้นให้เพียงพอสำหรับกระเบื้องที่จะติดตั้ง ใช้เกรียงหวีฟันปลาปาดให้เป็นร่องให้ทั่วรวมถึงบริเวณหลังแผ่นกระเบื้องที่ จะติดตั้งด้วย(เบอร์ของหวี แล้วแต่รุ่น ยี่ห้อ กาวซีเมนต์ที่ใช้)จากนั้นนำกระเบื้องปูลงบนกาวซีเมนต์โดยปูตามแนวลูกศรหลัง กระเบื้อง เคาะด้วยค้อนยางเบาๆเพื่อให้ได้ระดับ
2.6 ทำการจัดงานแผ่นกระเบื้องและแนวร่องรอยต่อให้อยู่ในแนวเดียวกัน โดยมีร่องระหว่างรอยต่อ 2-3มม.เมื่อวางแผ่นกระเบื้องเต็มพื้นที่แล้ว ควรปล่อยให้กาวซีเมนต์เซ็ทตัว(ตามกำหนดระยะเวลาของกาวซีเมนต์ที่เลือก ใช้)โดยในระหว่างนี้ควรทำความสะอาดกระเบื้องแล้วป้องกันด้วยแผ่นพลาสติก POLYGENE SHEETและกระดาษลูกฟูกหรือไม้อัดตามแต่สภาพหน้างาน เพื่อให้การก่อสร้างส่วนอื่นๆสามารถทำต่อไปได้โดยพื้นผิวไม่เสียหาย
2.7 หลังปูนเซ็ทตัวให้ทำการยาแนวเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกตกค้างตามร่องกระเบื้อง โดยทำความสะอาดรอยต่อของกระเบื้องด้วยการใช้เหล็กแหลมหรือแปรงแข็ง ต่อจากนั้นให้ใช้วัสดุยาแนวอัดให้เต็มแน่นเพื่อไม่ให้มีฟองและโพรงอากาศ หากมีเศษยาแนวล้นออกมาให้เช็ดออกด้วยผ้าหมาดๆก่อนที่จะปูนยาแนวจะแข็งตัว
หมายเหตุ
- การใช้กาวซีเมนต์ควรทำตามวิธีของบริษัท ผู้ผลิตแต่ละยีห้อเท่านั้น โดยสอบถามและศึกษาวิธีใช้ของผู้ผลิตนั้นๆและควรสังเกตุว่ากาวซีเมนต์ที่ เลือกใช้หมดอายุหรือยัง โดยปกติกาวซีเมนต์จะมีอายุประมาณ 3 เดือนนับจากวันที่ผลิต การใช้กาวซีเมนต์ที่หมดอายุ อาจจะทำให้กระเบื้องที่ติดตั้งหลุดร่อนได้ในภายหลัง
- ก่อนเปิดใช้งานควรทำความสะอาดคราบ(WAX)โดยใช้ผงขัดแวกซ์ ปูนขาว หรือผงยิปซั่ม ล้างด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาทำความสะอาดที่เป็นกลาง ไม่ควรใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของกรดต่างๆเช่น กรดไฮคลอริก(กรดเกลือ)กรดไนตริก(กรดดินประสิว)กรดซัลฟิวริก(กรดกำมะถัน)กรด ไฮฟลูออริก(กรดกัดกระจก)และไม่ควรใช้สารเคมีประเภทไอโซโพรพิล(แอลกอออลล์)ในการทำความสะอาด